การใช้เทคโนโลยี Virtual Reality (VR) กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการฝึกอบรมในอุตสาหกรรมการผลิตอย่างมหาศาล หลายคนเมื่อพูดถึง VR อาจนึกถึงเกมและความบันเทิง แต่ความสามารถในการสร้างสภาพแวดล้อมเสมือนจริงของ VR นั้นมีศักยภาพมากมายที่สามารถนำมาใช้ในการฝึกอบรม ลดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงในการทำงานอย่างมาก

วันนี้เราจะมาสำรวจว่า VR มีบทบาทอย่างไรในอุตสาหกรรมการผลิต พร้อมกับกรณีศึกษาจากบริษัทชั้นนำอย่าง Ford, Nestlé และ General Electric (GE) ที่แสดงให้เห็นถึงประโยชน์และผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ VR ในการฝึกอบรม

ความท้าทายของการทำงานในอุตสาหกรรมการผลิต

การทำงานในอุตสาหกรรมการผลิตเต็มไปด้วยความท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดการกับเครื่องจักรที่ซับซ้อน การทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง และการรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นทันที นอกจากนี้ การพัฒนาทักษะพนักงานให้มีความเชี่ยวชาญและสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง

การฝึกอบรมพนักงานจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในอุตสาหกรรมเหล่านี้ เพื่อให้พนักงานมีความรู้และทักษะที่จำเป็นในการทำงานอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การฝึกอบรมช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต

ความท้าทายในการฝึกอบรมแบบดั้งเดิม

ลองนึกภาพว่าคุณต้องฝึกอบรมการใช้เครื่องจักรซับซ้อนในโรงงาน การเตรียมเครื่องจักรจริงสำหรับการฝึกอบรมอาจใช้เวลานานหลายชั่วโมง และเมื่อเริ่มฝึกแล้ว หากเกิดความผิดพลาดก็อาจเกิดความเสียหายต่อเครื่องจักรหรือทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้น การฝึกอบรมแบบดั้งเดิมในสภาพแวดล้อมจริงจึงมีความเสี่ยงสูง

การฝึกอบรมแบบดั้งเดิมในอุตสาหกรรมการผลิตต้องเผชิญกับปัญหาหลายประการ เช่น

ค่าใช้จ่ายสูง: การฝึกอบรมแบบดั้งเดิมมักต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ เครื่องมือ หรือบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ การต้องจัดการกับการใช้งานเครื่องจักรจริงในการฝึกอบรมทำให้ต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้น ทั้งยังต้องมีการบำรุงรักษาและซ่อมแซมเครื่องจักรที่ถูกใช้งานในการฝึกอบรมอีกด้วย

ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย: การฝึกอบรมที่ต้องใช้อุปกรณ์จริงในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง ทำให้เกิดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เช่น การฝึกอบรมในการใช้เครื่องจักรหนัก การทำงานบนที่สูง หรือการจัดการกับวัตถุอันตราย การฝึกอบรมในสภาพแวดล้อมจริงที่ไม่สามารถควบคุมได้ทุกปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาก

เวลา: การฝึกอบรมแบบดั้งเดิมใช้เวลานาน พนักงานต้องออกจากการทำงานปกติเพื่อเข้ารับการฝึกอบรม ซึ่งทำให้การผลิตหยุดชะงักและเกิดความเสียหายในกระบวนการผลิต นอกจากนี้ การฝึกอบรมบางประเภทต้องใช้เวลาเตรียมการและการจัดการที่ซับซ้อน ทำให้การฝึกอบรมล่าช้าและไม่สามารถทำได้บ่อยครั้ง

AleksSafronov / Shutterstock.com

การนำ VR มาใช้ในกระบวนการฝึกอบรม

ประโยชน์ของ VR Training ในอุตสาหกรรมการผลิต

การออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์: VR ช่วยให้ทีมวิศวกรและนักออกแบบสามารถสร้างและทดสอบต้นแบบผลิตภัณฑ์ในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง ทำให้สามารถตรวจสอบและปรับแก้ได้อย่างรวดเร็ว ลดเวลาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในขั้นตอนการผลิตจริง

การฝึกอบรมพนักงาน: VR ช่วยให้พนักงานใหม่และพนักงานที่ต้องการพัฒนาทักษะสามารถฝึกฝนในสภาพแวดล้อมที่เสมือนจริงแต่ปลอดภัย พนักงานสามารถฝึกซ้อมการใช้งานเครื่องจักร การประกอบชิ้นส่วน และการตรวจสอบคุณภาพได้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยง

การปฏิบัติงานจริง: VR ช่วยให้พนักงานสามารถเตรียมตัวก่อนการทำงานจริงได้ดีขึ้น การจำลองสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในสายการผลิตช่วยให้พนักงานพร้อมรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

กรณีศึกษา: การใช้ VR ในการฝึกอบรมของ
Ford, Nestlé, และ GE

ในปี 2020 Ford รายงานว่า VR ทำให้กระบวนการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Ford ใช้เวลาน้อยลงถึง 70% เมื่อเทียบกับการใช้วิธีการแบบดั้งเดิมและมีข้อผิดพลาดหรือต้องการการปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์น้อยลงเกือบ 90% หลังจากที่ผลิตออกมา

นั่นหมายความว่า VR ทำให้กระบวนการทั้งหมดมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ได้รวดเร็วขึ้น

Nestlé ใช้ VR ในการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยในโรงงานทั่วโลก โดยพนักงานสามารถฝึกฝนการทำงานในพื้นที่จำกัด การทำงานบนที่สูง และการจัดการเครื่องจักรอย่างปลอดภัย VR ช่วยเพิ่มอัตราการจำข้อมูลด้านความปลอดภัยขึ้นถึง 80% และลดอุบัติเหตุในการทำงานลงอย่างมาก

General Electric (GE) ได้รวม VR เข้ากับการฝึกอบรมในภาคพลังงาน โดยเฉพาะการบำรุงรักษากังหัน VR ช่วยลดอัตราความผิดพลาดลงถึง 30% และประหยัดค่าใช้จ่ายจากการลดเวลาหยุดเครื่องได้อย่างมาก การฝึกอบรมที่เสมือนจริงทำให้พนักงานสามารถฝึกฝนและเตรียมตัวก่อนการทำงานจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Key success: ข้อควรรู้ก่อนนำ VR มาปรับใช้ในระดับองค์กร

การจะนำเทคโนโลยี VR มาใช้ต้องมีการวางแผนที่ดีและควรมีการลงทุนใน Pilot project เพื่อศึกษาเทคโนโลยีเบื้องต้นและให้พนักงานคุ้นชินกับการใช้เทคโนโลยีก่อนจะขยายผลไปสู่วงกว้าง จะทำให้ผลที่ได้กลับมาคุ้มค่าในระยะยาว ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และค่าใช้จ่ายที่ลดลง

สรุป

 

การนำเทคโนโลยี VR เข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมการผลิตเป็นแนวทางที่น่าสนใจและมีศักยภาพสูง VR ไม่เพียงแต่ช่วยให้พนักงานเรียนรู้และใช้อุปกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ(ABI Research แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายในระยะยาว ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ การทดสอบและปรับปรุงกระบวนการผลิต ไปจนถึงการฝึกอบรมพนักงานและการปฏิบัติงานจริง พนักงานสามารถได้รับประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกับการใช้งานจริงในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ทำให้การฝึกอบรมเป็นเรื่องที่ง่ายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้กระบวนการทั้งหมดมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดข้อผิดพลาดและเพิ่มคุณภาพของผลิตภัณฑ์

นอกจากนั้น ยังเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับองค์กรในการเผชิญกับความท้าทายและความเปลี่ยนแปลงในอนาคต การใช้ VR ช่วยให้สามารถทดสอบและปรับปรุงกระบวนการต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นี่ถือเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันขององค์กรในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและตลอดเวลา

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนถึงศักยภาพของ VR ในการฝึกอบรมและการปฏิบัติงานในอุตสาหกรรมการผลิต ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ การทดสอบ การฝึกอบรม ไปจนถึงการใช้งานจริงในสถานการณ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด

 

แหล่งข้อมูล Grand View Research, Fortune Business Insights, และ ABI Research.

Share the Post:
Categories